วัตถุประสงค์
เพื่อเผยแพร่บทความวิจัยหรือบทความวิชาการที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ ด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ในกลุ่มสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ศึกษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ บัญชี นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ของคณาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา ตลอดจนนักวิชาการอิสระ เพื่อนำไปสู่ประโยชน์ต่อบุคคล สังคม และประเทศชาติต่อไป
ประเภทของบทความ
- บทความวิจัย ที่มีลักษณะและรูปแบบการวิจัยตามหลักวิชาการ เช่น การตั้งสมมุติฐานโดยระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ได้ทดลองค้นคว้าอย่างมีระบบและสรุปผลการวิจัยที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
- บทความวิชาการ ในเชิงวิเคราะห์หรือวิจารณ์ และเสนอแนวคิดใหม่บนพื้นฐานวิชาการ อันก่อเกิดองค์ความรู้หรือสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์
ภาษาที่รับตีพิมพ์
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
กระบวนการ Review
- บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาประเมินคุณภาพก่อนการตีพิมพ์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer-review) ในสาขาที่เกี่ยวข้องจากภายในหรือภายนอกมหาวิทยาลัย จำนวน 3 ท่าน ต่อ 1 บทความ
- ใช้การประเมินแบบไม่เห็นกันทั้งสองฝ่ายระหว่างผู้นิพนธ์และผู้ประเมิน (Double-Blinded)
นโยบายในการตีพิมพ์ผลงานในวารสาร
ผู้นิพนธ์
1. ต้องไม่ละเมิด หรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นผลงานของตนเอง
2. ต้องไม่รายงานข้อมูลที่เป็นเท็จคลาดเคลื่อนจากผลการวิจัย และความเป็นจริง ไม่สร้างข้อมูลเท็จ ปลอมแปลง บิดเบือน ตกแต่ง หรือเลือกแสดงข้อมูลเฉพาะที่สอดคล้องกับข้อสรุปเท่านั้น
3. ต้องเขียนบทความวิชาการ บทความวิจัย ให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดไว้ใน “แนวทางการเตรียมต้นฉบับ”
4. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความที่นำเสนอไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณา ของวารสารฉบับอื่น
5. ผู้นิพนธ์ที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคน ต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในการดำเนินการวิจัยจริง
6. ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่นหากมีการนำผลงานนั้นมาใช้ในผลงานของตัวเอง รวมทั้งจัดทำรายการอ้างอิง ท้ายบทความ
7. ผู้นิพนธ์ต้องแก้ไขบทความตามข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
ผู้ประเมิน
1. ต้องไม่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความ
2. ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
3. ต้องไม่นำข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาไปเป็นผลงานของตนเอง
4. ควรประเมินบทความในสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ โดยพิจารณาความสำคัญของเนื้อหา
ในบทความที่มีต่อสาขาวิชานั้น ๆ
5. หากมีส่วนหนึ่งของบทความที่มีความเหมือน หรือซ้ำซ้อนกับผลงานอื่น ผู้ประเมินจะต้องแจ้งให้กองบรรณาธิการทราบ
6. หากผู้ประเมินบทความตระหนักว่า ตัวเองอาจมีผลประโยชน์กับผู้นิพนธ์ เช่น เป็นผู้ร่วมโครงการ หรือเหตุผลอื่น ที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้ ผู้ประเมินต้องปฏิเสธการประเมินบทความนั้น ๆ
บรรณาธิการ
1. ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์ และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่น ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ
2. ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ และผู้ประเมิน
3. ต้องไม่นำข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาไปเป็นผลงานของตนเอง
4. ต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อน ต้องทำการตรวจสอบการคัดลอกผลงานผู้อื่น และหากตรวจพบการคัดลอกผลงานของผู้อื่น จะต้องหยุดกระบวนการประเมิน และติดต่อผู้นิพนธ์บทความเพื่อ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความนั้น ๆ
5. บรรณาธิการสามารถดำเนินการถอนบทความได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เขียนหากตรวจพบว่า บทความมีการคัดลอก หรือลอกเลียนบทความอื่นโดยมิชอบ หรือมีการปลอมแปลงข้อมูล ซึ่งถือเป็นสิทธิ และความรับผิดชอบของบรรณาธิการ
คณะที่ปรึกษา
ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิทยา เบ็ญจาธิกุล
บรรณาธิการ
รองศาสตราจารย์ ดร.สถิตย์ นิยมญาติ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ
กองบรรณาธิการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกสถาบัน
ศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาสตราจารย์ ดร.ปทีป เมธาคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ สำเรียง เมฆเกรียงไกร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.สุรเสกข์ พงษ์หาญยุทธ ข้าราชการบำนาญ ผู้ช่วยาสตราจารย์ ดร.ทนพ.กิตติพงศ์ พูลชอบ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ทรงคุณวุฒิภายในสถาบัน
รองศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา รุ่งเรือง รองศาสตราจารย์ ดร.พีรพงศ์ ทิพนาค
ฝ่ายกฎหมาย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เสงี่ยม บุษบาบาน
ฝ่ายออกแบบและพิสูจน์อักษร
อาจารย์สุธีรา ธาตรีนรานนท์ อาจารย์เมธาสิทธิ์ อัดดก นายอาลี เส็มเภอ
กำหนดการตีพิมพ์
ปีละ 2 ฉบับ